12/29/2554

น้ำแครอต














ประโยชน์

  • ป้องกันมะเร็ง
  • บำรุงสุขภาพดวงตา
  • ชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ
เตรียม
  • แครอต            1/2 หัวเล็ก
  • น้ำเชื่อม             2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว           1 ช้อนโตีะ
  • น้ำต้มสุก            1 แก้ว
  • เกลือ                  1 ช้อนชา
วิธีทำ

 ล้างแครอตให้สะอาด เฉือนหรือขูดๆ เอาเปลือกออก ล้่างให้สะอาดอีกครั้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆหรือขูดเป็นเส้นฝอย  ปั่นกับน้ำต้มสุก น้ำเชื่อม น้ำมะนาว เกลือ หรือจะใส่น้ำแข็งบดอีกครึ่งแก้วก็ได้




12/27/2554

น้ำมะนาว














สูตร1


ประโยชน์

  • บำรุงผิว
  • บำรุงสุขภาพเหงือก
  • บรรเทาอาการไอ เจ็บคอ แก้หวัด
  • แก้คลื่นไส้วิงเวียน
  • ต้านมะเร็ง
เตรียม
  • มะนาว             3-4 ผล
  • น้ำผึ้ง                  1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ                   1 ช้อนโตีะ
  • น้ำต้มสุก             1 แก้ว
วิธีทำ
หั่นมะนาวเป็นซีกๆ บีบมะนาวใส่ถ้วย เติมน้ำผึ้งเเละเกลือ เติมน้ำต้มสุก ผสมให้เข้ากัน แล้วจะปั่นกับน้ำแข็งหรือใส่แก้วนำไปแช่ตู้เย็นก็ได้



สูตร 2

เตรียม
  • มะนาว                2 ผล
  • เกลือ               1-2 ช้อนชา
  • น้ำตาล               2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ                   5-6 แก้ว
วิธีทำ
เลือกมะนาวที่ใกล้จะเป็นสีเหลืองแล้ว ล้างให้สะอาด ฝานเป็นแว่นบางๆ ใส่หม้อ เติมน้ำสะอาด 5-6 แก้ว ต้มจนเดือด
   เติมน้ำตาลและเกลือ ต้มต่อไปอีกประมาณ 8-10 นาทีก็ยกลงจิบอุ่นๆ ได้ตลอดวัน (แต่ควรดื่มสัปดาห์ละ 2 ครั้งเท่านั้นในช่วงลดน้ำหนัก)







12/26/2554

น้ำใบหนุมานประสานกาย

















ประโยชน์

  • แก้หอบหืด
  • แก้โรคภูมิแพ้ต่างๆ
เตรียม
  • ใบหนุมานประสานกาย        8-10 ใบ
  • ใบเตยหอม                                1 ใบ
  • น้ำ                                          1/2 หม้อ
วิธีทำ
    ล้างใบหนุมานประสานกายให้สะอาดหลายๆ น้ำ หั่นให้เกือบละเอียด นำไปต้มกับน้ำคึ่งหม้อ หั่นใบเตยหอมลงไปด้วย พอเดือดยกลงกรองเอาแต่น้ำไว้ดื่ม


นอกจากนี้ยังมีประโยชน์นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นคือ 

ใบ แก้โรคในสมอง แก้โรคต่อมทอนซิลอักเสบ คออักเสบ แก้วัณโรคปอด ขยายหลอดลม แก้ภูมิแพ้ แก้พิษต่างๆ และสมานแผลรักษาโรคหืดโรคแพ้อากาศ ขับเสมหะ รักษาโรคหลอดลมอักเสบรักษาวัณโรคปอด แก้ไอ แก้อาเจียนเป็นเลือด ตำพอกแผลห้ามเลือด สมานแผล


*   หนุมานประสานกายเป็นไม้พุ่มแกมเถา  สูง 1-4 เมตร  ใบ ประกอบแบบนิ้วมือ เรียงสลับ  ใบย่อยรูปวงรี หรือรูปใบหอก กว้าง 1-3 ซม. ยาว 5-8 ซม.  ดอกช่อ  ช่อออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีนวล  ผล  สด รูปทรงกลม




12/24/2554

น้ำเหงือปลาหมอ


















ประโยชน์
  • แก้อาการแพ้ต่างๆ
  • บำรุงหัวใจ
  • ช่วยให้นอนหลับสบาย
เตรียม
  • ต้นเหงือกปลาหมอ       1 ถ้วย
  • ใบเตยหอม                 1 ใบ
  • น้ำ                         1/2 หม้อ
วิธีีทำ

ล้่างต้นเหงือกปลาหมอให้สะอาด แล้วนำไปตากแดดแห้ง 2-3 แดด
นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ต้มกับน้ำครึ่งหม้อ ใส่ใบเตยหอมลงไปด้วย พอเดือดต้มต่ออีก 10 นาทีจึงยกลง กรองเอาน้ำไว้ดื่ม







น้ำดอกคำฝอย



















ประโยชน์
  • ช่วยย่อยอาหาร
  • บำรุงเลือด
  • ล้างพิษ ขับเหงื่อ
  • ลดไขมันในเลือด
เตรียม
  • ดอกคำฝอยแห้ง                 1 ถ้วย
  • น้ำผึ้ง                              2 ช้อนชา
  • น้ำ                               1/2 หม้อ
วิธีทำ

ใช้นิ้วมือสงๆ ดอกคำฝอย ให้เศษผงต่างๆ ออกไปให้หมด ต้มน้ำครึ่งหม้อ ใส่ดอกคำฝอยลงต้มจนเดือด กรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำผึ้ง รินใส่ถ้วย จิบอุ่นๆ หรือเติมน้ำแข็งก็ได้








12/22/2554

น้ำสมอไทย















ประโยชน์

  • เป็นยาระบาย
  • บำรุงหัวใจ
  • แก้ท้องเดิน
  • แก้จุกเสียด
  • ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย
เตรียม
  • สมอไทย             1 ถ้วย
  • น้ำเชื่อม              2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำต้มสุก            1-2 แก้ว
  • เกลือ                    1 ช้อนชา
  • น้ำแข็งบด
วิธีทำ
ล้างสมอไทยให้สะอาดหลายๆน้ำ เฉือนเปลือกออกแล้วฝานเนื้อสมอไทยใส่เครื่องปั่น ปั่นแล้วกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำต้มสุก ผสมน้ำเชื่อม เกลือ และน้ำแข็ง เวลารับประทานฝานเนื้อสมอไทยโรยใส่เล็ก
น้อย





น้ำองุ่น













ประโยชน์

  • ล้างพิษ
  • ป้องกันโรคหัวใจ
  • ต้านมะเร็ง
  • ชลอความชรา
เตรียม
  • องุ่นสีม่วง             2 ถ้วย
  • น้ำเชื่อม               1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำต้มสุก              1 แก้ว
  • เกลือ                    1/2 ช้อนชา
วิธีทำให้สะอาดหลายๆน้ำ
ล้างองุ่น
ผ่าครึ่งผล แคะเมล็ดออก ใส่องุ่นลงในเครื่องปั่น เติมน้ำต้มสุก 1 แก้ว ปั่นเสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำองุ่น เติมน้ำเชื่อมและเกลือ คนให้เข้ากันแล้วเทใส่แก้วน้ำแข็งหรือนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นก่อนดื่ม


12/21/2554

น้ำเสาวรส















  • ประโยชน์
บำรุงผิว ต้านมะเร็ง ลดไขมันในเลือด

เตรียม
  • เสาวรสสุก              1-2 ผล
  • น้ำเชื่อม                     2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ                          1 ช้อนชา
  • น้ำต้มสุก                 1-2 แก้ว
  • น้ำแข็งบด               1/2 แก้ว
วิธีทำ
  • ล้างเสาวรสให้สะอาดแล้วผ่าครึ่งผล ตักเอาเนื้อมาคั้นหรือว่าขยำกัยน้ำต้มสุก แล้วกรองเอาแต่น้ำมาผสมกับน้ำเชื่อม เกลือ และน้ำแข็งบด













ขอบคุณภาพจาก   http://www.thaitechno.net

12/20/2554

น้ำสมุนไพร ล้างพิษ ลดน้ำหนัก

บทความนี้ผู้เขียน blog ได้อ่านมาจากหนังสือหลายๆ เล่มด้วยกัน เป็นหนังสือที่มีตามแผงหนังสือทั่วไปครับ เป็นหนังสือราคาถูก ที่เนื้อหา  มิได้ถูกอย่างราคาเลยเต็มไปด้วยคุณค่าน่าสะสม  ถูกชะตาคนชอบเก็บแบบผู้เขียนมากเลยครับ 555++

ก็เลยอยากเอามาแบ่งปันแก่ผู้ที่สนใจ อาจจะมีประโยชน์สำหรับคนที่สนใจบ้างน่ะครับ 
















น้ำสมุนไพร น้ำแห่งพลังชีวิต
  • อกจากความสดชื่นที่เราได้รับในการดื่มน้ำสมุนไพรแล้ว คุณประโยชน์ที่เราจะได้จากสมุนไพรหรือพืชผักผลไม้ต่างๆ นั้น ยังมีอีกมากมายซึ่งล้วนแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งระบบเลยทีเดียว
  • ในการลดน้ำหนักนั้น ทุกอย่างจะง่ายและเร็วขึ้นถ้าคุณกินแต่ผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร แคลอรี่น้อย ซึ่งจะทำให้คุณอิ่มได้โดยไม่อ้วน เพราะผักผลไม้ไม่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่เหลือเป็นส่วนเกินทำให้น้ำหนักตัวคุณเพิ่มขึ้น ผลไม้บางชนิดมีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก และคาร์โบไฮเดรตประเภทที่ย่อยเร็วและดูดซึมง่าย ร่างกายจึงได้พลังงานเช่นกันและยังได้วิตามินแร่ธาตุอีกนานาชนิดโดยไม่ต้องเกรงว่าจะขาดสารอาหาร หากลดหรืออดอาหารประเภทแป้งและเนื้อสัตว์ในบางวัน
  • ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องของการล้างพิษ ผักผลไม้ต่างๆ มีความจำเป็นมากในการล้างและขับสารพิษออกจากร่างกาย
ในขณะที่เราอดอาหารนั้น เลือดของเราจะมีความเป็นกรดสูงเพราะเซลล์ต่างๆ จะขับพิษขับของเสียออกมา ซึ่งน้ำสมุนไพรที่มีความเป็นด่างก็จะเข้าไปช่วยลดภาวะกรดของเลือด เพื่อปรับธาตุภายในให้มีความสมดุลขึ้นนั่นเอง
  • ลองสังเกตุดูง่ายๆ ว่าเวลาที่ยังไม่ได้กินอาหาร เมื่อคุณรู้สึกหิวจนตาลาย เพียงดื่มน้ำผลไม้หรือชาสมุนไพรสักแก้ว ร่างกายจะรู้สึกสดชื่นและมีเรี่ยวแรงขึ้น
          นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายสามารถดูดซึมเอาแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำผลไม้ไปใช้งานได้เร็วกว่าการกินอาหารที่ต้องรอผ่านกระบวนการย่อยตามขั้นตอนเสียก่อน

 หลายปีมานี้ คนทั่วโลกหันมาสนใจเรื่องน้ำสมุนไพรกันอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะในแวดวงวิทยาศาสตร์โภชนาการได้ทำการวิจัยและเผยแพร่เรื่องของคุณค่าของสมุนไพรต่างๆ ให้เป็นที่เข้าใจและยอมรับกันมากขึ้นว่า พลังสดจากธรรมชาตินี่แหละที่จะเป้นเสมือนเชื้อเพลิงอันบริสุทธิ์สำหรับระบบการทำงานภายในร่างกายของเรา

คุณประโยชน์มากมายของผักผลไม้ ที่จะนำมาทำเป็นน้ำสมุนไพรต่างๆ มีดังนี้
  • ช่วยขับสารพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย
  • เพิ่มพละกำลัง รักษาอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง
  • ช่วยชะลอความเสื่อมของเนื้อเยื่อต่างๆ จึงมีผลให้ดูอ่อนเยาว์และแก่ช้า
  • เป็นยาระบาย แก้ท้องผูกได้ดีเยี่ยม
  • เพิ่มความกระปี้กระเปร่ากระฉับกระเฉง
  • บำบัดอาการปวดศรีษะไมเกรน
  • บำรุงผิวให้เปล่งปลั่งสดใส
  • บำรุงสุขภาพเหงือกและฟัน
  • บำรุงเส้นผมให้เป้นเงางามและแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย ไม่หงอกก่อนไว
  • ช่วยให้นอนหลับสบาย
  • เสริมประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • รักษาสุขภาพของดวงตา
  • ขจัดความเครียดตึงของระบบประสาท
  • ช่วยขับน้ำส่วนเกินจากเนื้อเยื่อ ลดภาวะบวมน้ำ
  • แก้โรคภูมิแพ้ต่างๆ เช่น หอบ หืด
  • ช่วยขจัดผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลต์
  • ป้องกันโรคโลหิตจาง
  • ดีต่อการทำงานของไต
  • รักษาโรคผิวหนังต่างๆ
  • บรรเทาอาการจากโรคไขข้อ
  • ลดความดันโลหิต
  • เสริมการทำงานของสมองและประสาท
  • เสริมการทำงานของกล้ามเนื้อ
  • เสริมสมรรภาพทางเพศ......^_^
  • บำบัดรักษาหลอดลมอักเสบ
  • ขับปัสสาวะ
  • แก้จุกเสียดแน่นท้อง
  • ช่วยขับเสมหะ แก้ระคายคอ
  • ช่วยขับพยาธิ
  • แก้อาการคลื่นไส้วิงเวียน
















การเตรียมน้ำสมุนไพร



  • การปั่น
ควรล้างผลไม้และผักให้สะอาดก่อนจะปั่น ต้องหั่นผักหรือว่าผลไม้ให้เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อจะได้ง่ายต่อการปั่น ถ้าใช้เนื้อผักผลไม้ที่ไม่นุ่มมากนัก อาจกดเครื่องปั่นให้ทำงานไปสักนิดแล้วค่อยเปิดฝาเติมส่วนผสมอื่นๆ ตามลงไป แต่ถ้าเป็นผลไม้เนื้อนุ่มมากก็ใส่ส่วนผสมอื่นๆลงไปพร้อมกันได้เลย
  • การต้ม
ผักผลไม้บางอย่างอาจต้องนำไปต้มกับน้ำเดือด แล้วจึงค่อยกรองเอาแต่น้ำมาดื่มร้อนๆ หรือกรองใส่ภาชนะปิดให้มิดชิดแล้วนำไปแช่เย็น ถึงอย่างไรน้ำสมุนไพรต้มควรดื่มให้หมดภายใน 1-2 วันไม่ควรเก็บไว้หลายวันเพราะคุณค่าสารอาหารจะลดน้อยลง

  • การคั้น
ผลไม้บางอย่างสามารถคั้นเอาน้ำสดๆ มาดื่มได้เลย เช่น ส้ม หรือ มะนาว ส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ที่มีน้ำฉ่ำอยู่ในเนื้อผลไม้ ซึ่งถ้าคั่นสดๆ มาดื่มก็ไม่ควรจะต้องเติมเกลือหรือน้ำเชื่อมเพื่อแต่งรสชาติ ควรดื่มสดๆ เติมน้ำแข็งก็ยิ่งดี เพื่อให้ได้คุณค่าสารอาหารอย่างเต็มที่
  • การทำน้ำเชื่อม
แนะนำให้ใช้น้ำตาลทรายแดง เพราะน้ำตาลทรายขาวผ่านกระบวนการฟอกสีอาจมีสารเคมีปนเปื้อน ใช้น้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัมต้มกันน้ำ 2-3 ถ้วย พอเดือดแล้งกรองเอาแต่น้ำเชื่อมใส่ภาชนะ เก็บไว้ผสมน้ำผักผลไม้ตามต้องการ
  • เครื่องปั่น
ปัจจุบันเครื่องปั่นมีราคาไม่แพง และมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ
          การทำน้ำสมุนไพรนั้นควรถนอมเครื่องปั่นเพื่อจะได้มีอายุการใช้งานนานๆ ไม่ควรใส่น้ำแข็งก้อนโตๆ ลงในเครื่องปั่น ควรทุบน้ำแข็งให้ละเอียดเสียก่อย
          ส่วนผักผลไม้ก็ควรหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผักผลไม้ที่มีเนื้อแข็งอาจต้องทุบให้แหลกสักนิดเสียก่อน


12/19/2554

น้ำทับทิม




















ทับทิมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีกิ่งก้านสาขามาก ใบมีลักษณะเล็กเรียว ดอกมีสีส้มแดง ผลออกกลม ผลดิบเนื้อในจะมีรสฝาดออกเปรี้ยว  เมื่อสุกมีรสหวาน

ส่วนผสม

  • เนื้อทับทิบสุก (ทั้งเมล็ด)             1 ผล
  • น้ำเปล่า                                      2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย                            1/2 ถ้วย
วิธีทำ
  1. แกะทับทิมเอาแต่เนื้อ โดยนำเมล็ดทับทิมทที่สุกไปโขลกเพื่อแยกเมล็ดกับเนื้อออก
  2. ใส่น้ำลงไปในน้ำที่เตรียมไว้แล้วกรองแยกเอากากที่เป็นเมล็ดออก
  3. นำำน้ำที่ได้ไปตั้งไฟ พอเดือดใส่น้ำตาลทราย พอน้ำตาลละลายแล้วยกลง ตั้งพักไว้ให้เย็นแล้วใส่น้ำแข็งดื่ม
สรรพคุณทางยา
  • เปลือกหุ้มผล แก้บิด ลำไส้อักเสบ ท้องร่วง ต่อมทอมซิลอักเสบ และแผลร้อนใน
  • เปลือกหุ้มราก ขับพยาธิ นิ่ว
  • ใบอ่อน แก้ตาอักเสบ
  • ดอกแห้ง คั่วรักษาโรคหูน้ำหนวก

















ขอขอบคุณภาพจาก  http://www.108success.com,http://www.Kapook.com



น้ำถั่วเหลือง



ถั่วเหลืองมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ตัวหนึ่งที่โดดเด่นและน่าสนใจคือ กลุ่ม ไอโซฟลาโวนส์  Isoflavones ตัวอย่างเช่น geistein ,daidzeinซึ่งทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมน เอสโตรเจนในร่างกาย   ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองจึงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับคุณสุภาพสตรี โดยเฉพาะที่มีภาวะหมดประจำเดือน    ถั่วเหลือเป้นพืชล้มลุก มีลำต้นสูง มีใบประกอบ ใบย่อยเป็นเรียวยาว มีดอกเป็นช่อๆ ผลเป็นฝัก ปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลฝักหนึ่งมีหลายเมล็ด เช่น เมล็ดกลมรี เมล็ดสีน้ำตาล เหลืองอ่อน







ส่วนผสม
  • ถั่วเหลือง
  • น้ำตาลทราย
  • น้ำ
วิธีทำ
  1. นำเอาเมล็ดถั่วเหลืองคัดเลือกเอาแต่เมล็ดที่ดีๆ แล้วล้างให้สะอาด นำไปแช่น้ำ 4-5 ชั่วโมง
  2. ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำ ปั่นให้ละเอียดแล้วกรองด้วยผ้าขาวบางแล้วเอากากออก
  3. น้ำถั่วเหลืองที่ได้นี้นำไปต้มให้เดือน เติมน้ำตาลทราย ใส่เกลือด้วยก็ได้นิดหน่อยเพิ่มความกลมกล่อม 
สรรพคุณทางยา
  • ถั่วเหลืองมีโปรตีนสูง ฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวาน













ขอบคุณภาพจาก  ttp://www.researchers.in.th/blogs/posts/1065


น้ำแตงโม




















แตงโมเป็นไม้เถา มีก้านใบที่ยาว ทุกส่วนจะมีแต่ขน ผลมีขนาดใหญ่ มีหลายสายพัธุ์ ผลสีเขียวแก่ เนื้อในมีสีแดง สีเหลืองก็มีน่ะ แล้วแต่สายพันธุ์

ส่วนผสม

  • เนื้อแตงโม                            1 ถ้วย
  • น้ำต้มสุก                             1/2 ถ้วย
  • น้ำเชื่อม เกลือป่น
วิธีทำ
  1. นำแตงโมมาผ่าซีกแล้วหั่นเอาแต่เนื้อ
  2. ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำต้มสุก น้ำเชื่อมใส่เกลือป่นเล็กน้อย ปั่นให้เข้ากัน
  3. เมื่อดื่มให้เติมน้ำแข็ง หรือแช่เย็นก็ได้ตามความพอใจ
สรรพคุณทางยา
  • เนื้อแตงโม กินแก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับลมในกระเพาะปัสสาวะ
  • รากและใบสด ต้มดื่มแก้โรคท้องร่วงและโรคบิด














ขอบคุณภาพจาก http://www.dek-d.com ,http://www.sanook.com



ขนมจีนน้ำยาปลาช่อน















เครื่งปรุง

  • ปลาช่อน (1 กิโลกรัม)                        1 ตัว
  • ปลากุเลาเค็ม                                     1 ชิ้น
  • มะพร้าวขูด                                        1 กิโกรัม
  • หอมแดง                                           4 หัว
  • กระเทียม                                           3 หัว
  • ข่า                                                   10 แว่น
  • ตะไคร้                                               5 ต้น
  • ผิวมะกรูด(หั่นละเอียด)                      1 ช้อนชา
  • กะปิ                                                   2 ช้อนชา
  • พริกแห้ง(พริกบางช้าง)                      4 เม็ด
  • กระชาย                                           1/2 กิโลกรัม
  • เกลือป่น                                             1 ช้อนชา
  • น้ำปลา ขนมจีน
วิธีทำ
  1. ขอดเกล็ดปลาช่อนล้างน้ำให้สะอาด ใส่ตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ ปิ้งปลากุเลาเอาแต่เนื้อ ขูดเปลือกกระชายออกหั่นชิ้นเล็กๆ พริกผ่าเอาเมล็ดออกแช่น้ำให้นิ่ม ปอกเปลือกหอมแดง กระเทียม ตะไคร้หั่นฝอย
  2. คั้นมะพร้าวเอาหัวกะทิไว้ 1 ถ้วย คั้นต่ออีกประมาณ 10 ถ้วย ใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด ใส่ปลาช่อนทั้งตัวต้มจนสุก ยกลง ตักปลาช่อนใส่จาน แกะเอาแต่เนื้อปลา
  3. หอมแดง กระเทียม พริกแห้ง ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด กะปิ กระชาย เกลือป่น โขลกรวมกันให้ละเอียด ใส่ปลาช่อน ปลากุเลา โขลกรวมกันกับเครื่องแกง
  4. ยกหม้อกะทิตั้งไฟให้เดือด ตักเครื่องแกงลงละลาย พอเดือด เคี่ยวไปสักครู่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา เทหัวกะทิ 1 ถ้วยใส่ลงในหม้อน้ำยา พอเดือดแล้วยกลง
ผักที่กินกับขนมจีนน้ำยา
  1. ถั่วงอก 1/2 กิโลกรัม เด็ดหางทิ้ง ล้างน้ำ ลวกพอสุก
  2. มะระจีน 1 ผล ผ่าครึ่งหั่นบางๆ เคล้ากับเกลือป่น ล้างน้ำลวกพอสุก
  3. ผักกาดดอง 1 ต้น หั่นบางๆ ล้างน้ำ ลวกสักครั้งให้หายขื่นและหายเปรี้ยว
  4. ถั่วฝักยาว 10-15 เส้นล้างน้ำ ซอยเฉียงบางๆ
  5. ใบแมงลัก 2 กำใหญ่ ล้างให้สะอาด เด็ดเป็นใบๆ จัดผักทั้งหมดนี้ใส่จาน พร้อมด้วยถาดขนมจีนและพริกป่น ควรกินขณะที่น้ำยายังร้อน
สรรพคุณทางยา
  • ถั่วฝักยาว กระตุ้นการทำงานของกระเพาะ ลำไส้ บำรุงธาตุดิน
  • แมงลัก แก้ท้องผูก กระตุ้นลำไส้ให้มีการขับถ่าย
  • กระเทียม แก้ไอ ขับเสมหะ แก้โรคทางผิวหนัง ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเลือด ลดอาการอักเสบ
  • ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับเสมหะ
  • มะกรูด ช่วยขับลมในลำไส้ ขับระดู แก้จุกเสียด
  • กระชาย แก้ท้องอืดเฟ้อ ขับลม แก้บิดมีตัว ขับพยาธิตัวกลม และพยาธิเส้นด้ายในเด็ก
  • ข่า ขับลมให้กระจาย แก้ปวดฟกช้ำ แก้พิษ ขับเลือดร้ายในมดลูก ขับลมในลำไส้













ขอบคุณภาพจาก  http://www.aroiclub.com

12/18/2554

กะปิหล่น

















กะปิที่ใช้ควรเป็นกะปิอย่างดี จะมีกลิ่นหอมไม่หืนหรือเหม็นคาว ควรใช้น้ำตาลปีบ รสชาติจะกลมกล่อมกว่าน้ำตาลทราย พริกชี้ฟ้าก็ควรหั่นตามขวาง และแช่น้ำไว้ให้เมล็ดพริกหลุดออกไปบางส่วนจะทำให้เผ็ดดี

เครื่องปรุง



  • กุ้งกุลาหั่นชิ้นเล็ก                           1 ถ้วย
  • หมูเนื้อแดงปนมันบดละเอียด      1/2 ถ้วย
  • มะพร้าวขูดคั้นแยกหัวและหาง     1/2 ถ้วย
  • พริงชี้ฟ้าแดง เหลือง เขียว อย่างล่ะ   2 เม็ด
  • หอมแดง                                            5 หัวใหญ่
  • กระชาย                                              5 แง่ง
  • ตะไค้ร                                                3 ต้น
  • ใบมะกรูด                                           7 ใบ
  • น้ำตาลปีบ                                        1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก                                    2 ช้อนโต๊ะ
  • กะปิอย่างดี                                          1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ

โขลกตะไคร้ หอมแดง และกระชายให้แหลก ใส่กะปิโขลกให้เข้ากัน นำหัวกะทิตั้งไฟ พอเดือดลดไฟลง ใส่หมูและกุ้งลงผัดพร้อมเครื่องปรุงที่โขลกไว้ ค่อยๆ เติมหางกะทิลงทีละน้อยจนหมดใส่พริกชี้ฟ้าลงไป ปรุงด้วยน้ำตาลปีบ น้ำมะขามเปียก ชิมรสตามชอบ หากต้องการเค็มเติมเกลือ แล้วโรยใบมะกรูดฉีกเป็นชิ้นลงไป ยกลง ทานกับผักสด

สรรพคุณทางยา
  • มะพร้าว บำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น รักษาโรคกระดูก
  • พริกชี้ ขับลม ช่วยย่อยอาหาร
  • หอมแดง แก้ไข้หวัด ลอเสมหะ แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ
  • กระชาย แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม แก้บิด มีตัวยาขับถ่ายพยาธิ
  • ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ บำรุงสายตา ช่วยเจริญอาหาร
  • ใบและผิวมะกรูด ขับระดู ขับลมในสำไส้ แก้จุกเสียด 
  • น้ำมะขามเปียก ขับเสมหะ แก้ท้องผูก แก้ไอ ลดความร้อนในร่างกาย ใบมะขามต้มกับหอมแดงแก้หวัด















ขอบคุณภาพจาก kapook.com ครับ

12/16/2554

แกงส้มดอกแคกุ้งสด





















เครื่องปรุง

  • ดอกแค                          1/2 กิโลกรัม
  • กุ้งสด                            1/2  กิโลกรัม
  • น้ำปลา น้ำตาลปีบ มะขามเปียก
  • พริกแห้ง                        12  เม็ด
  • กระชาย                           5  ราก
  • หอมแดง                         5  หัว
  • กะปิ                                 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น                          1 ช้อนชา


วิธีทำ

  1. ดอกแคดึงเกสรออก ล้างให้สะอาด ผักไว้ให้เสด็จน้ำ กุ้ง แกะเปลือก ผ่าหลังชักเส้นดำออก
  2. พริกแห้งแกะเมล็ดออก แช่น้ำให้นิ่ม ปอกหอมแดง ขูดผิวกระชายหั่นสั้นๆ กะปิ เกลือป่น โขลกรวมกันให้ละเอียด
  3. ตักน้ำใส่หม้อ 7 ถ้วย ตั้งไฟให้เดือด ตักเครื่องแกงละลายพอเดือดใส่กุ้ง ปล่อยให้กุ้งสุกจึงใส่ดอกแค รอจนเดือดดอกแคสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปีบ ชิมรสดีแล้วยกลง
สรรพคุณทางยา

  • พริกแห้ง ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก เจริญอาหารช่วยย่อย ขับลม ขับเสมหะและเหงื่อ แก้ปวดท้อง อาเจียน
  • กระชาย แก้้ทองอืด ขับลม แก้บิดมีตัว ขับพยาธิตัวกลม และพยาธิเส้นด้วยในเด็ก
  • หอมแดง แก้ไข้หวัด แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ
  • ดอกแค เปลือกนำมาต้ม คั้นน้ำแก้ท้องร่วง แก้บิด แก้มูกเลือด คุมธาตุ สรรพคุณทางยาของแคคือช่วยแก้ไข้ ลดไข้ นอกจากนี้ยังอุดมด้วยสารอาหารต่างๆ โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีนที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ แคจึงช่วยบำรุงสายตาและต้านมะเร็ง อีกทั้งช่วยเสริมสร้างกระดูก เพราะมีแคลเซียมฟอสฟอรัสสูง


แกงหมูเทโพ



















เครื่องปรุง

  • หมูสามชั้น                                     1 กิโลกรัม
  • มะพร้าวขูด                                 1/2 กิโลกรัม
  • ผักบุ้งไทย                                      4 กำ
  • มะกรูด                                            1 ผล
  • ใบมะกรูด                                        7 ใบ
  • น้ำปลา น้ำตาลปีบ มะขามเปียก
  • พริกแห้ง                                       15 เม็ด
  • หอมแดง                                        5 หัว
  • กระเทียม                                        4 หัว
  • ตะไคร้                                            2 ต้น
  • ข่า                                                  5 แว่น
  • พริกไทย                                       10 เม็ด
  • ผิวมะกรูด หั่นฝอย                          1 ช้อนชา
  • กะปิ                                                1 ช้อนชา
  • เกลือป่น                                         1 ช้อนชา

วิธีทำ

  1.  หมูสามชั้นล้างน้ำ ขูดหนังให้สะอาด หั่นชิ้นบาง ผักบุ้งหั่นสั้นๆ ล้างน้ำแล้วสงขึ้นใส่ตะแกรง
  2. ผลมะกรูดปอกผิวออก เหลือแต่ขาวๆ ผ่าครึ่ง แคะเม็ดออก ล้างใบมะกรูด ฉีกก้านกลางออก
  3. ผ่าพริกแห้งแกะเมล็ด แช่น้ำให้นิ่ม ปอกหอมแดง กระเทียม ตะไคร้หั่นฝอย ข่า ผิวมะกรูด พริกไทย กะปิ เกลือป่น เครื่องทั้งหมดโขลกรวมกันให้ละเอียด (มะพร้าวคั้นกะทิ 1 ถ้วย หางกะทิ 5 ถ้วย)
  4.  กระทะตั้งไฟใส่หัวกะทิ พอเดือดตักเครื่องแกงผัดให้หอมใส่หมูสามชั้นผัดกับเครื่องแกง แล้วตักใส่หม้อกะทิ ยกตั้งไฟให้เดือด ใส่ผักบุ้ง คนพอเข้ากัน พอผักบุ้งสุกปรุงด้วยน้ำปลา น้ำตาลปีบ น้ำมะขามเปียก ชิมรสดีแล้วยกลง ใส่ใบมะกรูดและผลมะกรูด


สรรพคุณทางยา

  • หอมแดง แก้ไข้หวัด แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ
  • กระเทียม ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคผิวหนัง ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในเลือ ลดการอักเสบ
  • ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ ลดการอักเสบ
  • ข่า ขับลมให้กระจาย ฟกช้ำ แก้พิษ ขับเลือดร้ายในมดลูก ขับลมในลำไส้
  • พริกไทย ช่วยขับเหงื่อ ขับลมเจริญอาหาร
  • มะกรูด ขับลมในลำไส้ ขับระดู แก้จุกเสียด
  • พริกแห้ง ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้เจริญอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ขับเสมหะ
  • ผักบุ้ง ช่วยในการถอนพิษ และบำรุงสายตา




12/14/2554

แกงขี้เหล็กปลาย่าง


ต้นขี้เหล็ก พบทั่วไปมีอยู่เกือบทั่วทุกภาคของประเทศ ใช้ประโยชน์ได้มากมาย ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอกและแก่น ใช้เป็น เป็นสมุนไพร  ยอดอ่อนกับดอก ก็เทำเป็นอาหารได้อร่อยเช่นกัน











เครื่องปรุง

  • ดอกและใบขี้เหล็กต้มแล้ว(ยอดอ่อน)              3 ถ้วย
  • มะพร้าวขูด                                                     1 กิโลกรัม
  • ปลากุเลาเค็ม                                                  1 ชิ้น
  • ปลาฉลาดย่างกรอบ                                       1 ตัว
  • กระชาย                                                          15 ราก
  • พริกแห้ง                                                         15 เม็ด
  • น้ำปลา                                                             1 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดง                                                          5 หัว
  • กระเทียม                                                         3 หัว
  • ตะไคร้                                                             2 ต้น
  • ข่า                                                                   5 แว่น
  • ผิวมะกรูด(หั่นฝอย)                                         1 ช้อนชา
  • พริกไทย                                                        10 เม็ด
  • กะปิ                                                                1 ช้อนชา
  • เกลือป่น                                                         1 ช้อนชา

วิธิทำ

  1.  ปิ้งปลากุเลาพอสุก แกะเอาแต่เนื้อ ปลาฉลาดย่างแกะเนื้อเป็นชิ้นๆ ขูดเปลือกกระชายแล้วหั่นชิ้นเล็กๆ
  2.  พริกแห้งผ่าแกะเมล็ดออก แช่น้ำให้นิ่ม ปอกหอมแดง กระเทียม ตะไคร้หั่นฝอย ข่า ผิวมะกรูด พริกไทย กะปิ เกลือป่น เครื่องทั้งหมดโขลกให้ละเอียด แล้วจึงใส่ปลากุเลาและปลากรอบโขลกรวมกันกับเครื่องแกง
  3.  มะพร้าวคั้นกะทิข้นๆ 8 ถ้วย ใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด ตักเครื่องแกงลงละลาย ใส่ขี้เหล็ก เติมน้ำปลา เคี่ยวไฟอ่อนๆพอขี้เหล็กเปื่อย ชิมรสดีแล้วยกลง

สรรพคุณทางยา
  • กระชาย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม แก้บิดมีตัว ชับพยาธิตัวกลม และพยาธิเส้นด้ายในเด็ก

  • พริกแห้ง ช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวกยิ่งขึ้น ช่วยขับเสมหะและเหงื่อ แก้ปวดท้องและอาเจียน

  • ผิวมะกรูด ช่วยขับลมในลำไส้ ขับระดู แก้จุกเสียด

  • ดอกขี้เหล็ก แก้อาการท้องผูก และรักษาอาการ   นอนไม่หลับ

  • ข่า ขับลมให้กระจาย แก้ปวด แก้พิษ ขับเลือดร้ายในมดลูก ขับลมในลำไส้

  • ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร

  • พริกไทย ช่วยขับเหงื่อ ขับลม เจริญอาหาร

  • หอมแดง แก้ไข้หวัด แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ

                             
                                                           


12/13/2554

สะเดา น้ำปลาหวาน ปลาดุกย่าง

       สะเดานิยมกินกับน้ำปลาหวาน ไม่นิยมกินกับน้ำพริกอื่นๆ (เพราะไม่อร่อย)  และนำปลาดุกย่างมากินแกล้มด้วยทำให้อร่อยขึ้น ดอกสะเดาจะออกในช่วงต้นฤดูหนาว มีสรรพคุณทั้งกันและแก้ไข้หัวลม  และช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกาย
      สะเดามีรสขม  จึงใข้รสหวานนของน้ำปลาหวานช่วยกลบเกลื่อนความขมของสะเดา  เอาทั้งสองรสมารวมกันแล้วทำให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น












เครื่องปรุง
  • ปลาดุก                                                1-2  ตัว
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด                             2   ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปีบ                                              2   ถ้วย (200 กรัม)
  • น้ำปลา                                                1/2   ถ้วย   (80 กรัม)
  • หอมแดงเจียว                                      1/2   ถ้วย   (50 กรัม)
  • กระเทียมเจียว                                      1/2   ถ้วย   (50 กรัม)
  • พริกขี้หนูแห้งทอดกรอบ                      1/2   ถ้วย   (50 กรัม)
  • น้ำมะขามเปียกข้นๆ                             1/2   ถ้วย   (80 กรัม)
  • ดอกสะเดา                                        5-10   กำ   (500 กรัม)

วิธีทำ
  1.  ล้างสะเดาให้สะอาด  อย่าให้ช้ำ  ต้มน้ำใ้ห้เดือดแล้วเทใส่สะเดาให้ท่วม พักไว้จากนั้นจึงเทน้ำทิ้ง
  2.  นำปลาดุกไปย่างไฟให้สุกเหลือง  แล้วพักไว้
  3.  ผสมน้ำตาลปีบ น้ำมะขามเปียก น้ำปลาเข้าด้วยกัน แล้วตั้งไฟอ่อนๆ  เคี่ยวจนเหนียวเล็กน้อย  แล้วยกลง
  4.  ตักใส่ถ้วย โรยหอมเจียว กระเทียมเจียว และพริกทอด  ลอยหน้าน้ำปลาหวาน  ยกเสิร์ฟพร้อมสะเดา และปลาดุกย่าง

สรรพคุณทางยา


  • ดอกสะเดา  ช่วยเจริญอาหาร  บำรุงธาตุ  แก้ไข้หัวลม

  • น้ำมะขามเปียก  ขับเสมหะในลำไส้  แก้ไอ  แก้ท้องผูก

  • หอมแดง   แก้ไข้หวัด  แก้โรคในปาก  บำรุงธาตุ

  • กระเทียม   แก้ไอ  ขับเสมหะ  ขับลมในลำไส้  ช่วยย่อยอาหาร  มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา  แบคทีเรีย  และไวรัส  ลดน้ำตาลในเลือด  ลดไขมันในหลอดเลืือด

  • พริกแห้ง  ขับลม  ช่วยเจริญอาหาร  ช่วยย่อย


ยำถั่วพู

ถั่วพูจะให้ได้ผลผลิตมากต้องปลูกช่วงหน้าฝน ใช้ฝักค่อนข้างอ่อนมาปรุงอาหาร
ฝักแ่ก่เก็บไว้ขยายพันธุืต่อไป กินได้ทั้งสุกและดิบ ฝักดิบนิยมกินกับน้ำพริงเป็นผักเครื่องเคียง ส่วนฝักอ่อนที่ต้มสุกแล้วนำมายำก็จะเป็นอาหารจานเด็ดที่มีรสชาติถูกปากไม่น้อย









เครื่องปรุง


  •  ถั่วพู                                                       300 กรัม
  •  เนื้อหมูนึ่งหั่นชิ้นเล็ก หรือหมูสับ            100 กรัม
  •  มะพร้าวขูด                                            100 กรัม
  •  ถั่งลิสงโขลกหยาบๆ                                  3 ช้อนโต๊ะ
  •  มะพร้าวขูดคั่ว                                           3 ช้อนโต๊ะ
  •  หอมแดงเจียว                                           3 ช้อนโต๊ะ

เครื่องปรุงน้ำยำ


  •  พริกขี้หนูแห้งโขลกละเอียด                     5 เม็ด
  •  หอมแดงเผาโขลกละเอียด                      3 เม็ด
  •  กระเทียมเผาโขลกละเอียด                      2 หัว
  •  น้ำตาลทราย                                            3 ช้อนโต๊ะ
  •  น้ำปลา                                                    3  ช้อนโต๊ะ
  •  มะนาว                                                     3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ 
  •   ผสมเครื่องปรุงน้ำยำ 6 อย่างเข้าด้วยกัน
  1.  คั้นมะพร้าวให้ได้กะทิ ครึ่งถ้วย
  2. ใส่ถั่วพูในน้ำเดือดประมาณ 3 นาที รีบตักขึ้น หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  3. นำกะทิใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด
  4.  ถั่งพู หมู กะทิ และน้ำปรุงรสใส่รวมกันในภาชนะ เติม ถั่วลิสงคั่ว หอมแดงเจียว มะพร้าวขูดคั่ว เคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน

สรรพคุณทางยา


  • ถั่วพู เป็นยาชูกำลัง แก้อ่อนเพลีย

  • มะพร้าว บำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูก

  • ถั่วลิสง บำรุงเอ็น บำรุงธาตุ

  • หอมแดง แก้หวัด แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ

  • พริกขี้หนู เจริญอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ขับลม

  • กระเทียม ขับลมในลำใส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร น้ำมันกระเทียม มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรียและไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด ลดอาการอักเสบ

  • มะนาว ช่วยขับลม (เปลือก) ขับเสมหะ (น้ำ)




12/09/2554

แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย














เป็นอาหารที่ปรุงแต่งด้วยกะทิเข้มข้น รสชาติหวานเย็น อาจใช้ หมู ไก่ ปลาดุกก็ได้ แต่ลูกชิ้นที่ทำจากปลากรายนั้นมีกลิ่นคาวน้อย ลักษณะเนื้ออ่อนนุ่มเหนียว และนิยมกินมากกว่าปลาดุก หรือหมู

เครื่องปรุง

  • เนื้อปลากรายสับละเอียด                    800 กรัม
  • มะเขือเปราะผ่า 4                             200 กรัม
  • มะเขือพวง                                     100 กรัม
  • มะพร้าวขูด                                        1 กิโลกรัม
  • พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง                        3-4 เม็ด
  • กระชายซอยเป็นเส้น                         1/2 ถ้วย
  • โหระพาเด็ดเป็นใบๆ                          1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลปีบ                                         1 ถ้วย
  • น้ำปลา                                          1/4 ถ้วย
  • ใบมะกรูดฉีก                                      3 ใบ

เครื่องแกง

  • กระเทียมโขลกละเอียด                      10 กลีบ
  • รากผักชีโขลกละเอียด                       1/2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกหวานสีเขียวหั่นละเอียด                   2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกสดสีเขียว                                  10 เม็ด
  • หอมแดงซอย                                     6 หัว
  • กระเทียมซอย                                     6 กลีบ
  • ข่าหั่นละเอียด                                    1 ช้อนชา
  • ตะไคร้หั่นฝอย                                    1 ช้อนโต๊ะ
  • กระชายปอกเปลือกหั่น                         1  ช้อนโต๊ะ
  • ผิวมะกรูดหั่นละเอียด                           1 ช้อนชา
  • ลูกผักชี                                           1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ยี่หร่า                                              1/2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยเม็ด                                        5 เม็ด
  • เกลือป่น กะปิ อย่างละ                         1/2 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

  1. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
  2.  คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย หางกะทิ 4 ถ้วย
  3. เนื้อปลากรายโขลกรวมกับกระเทียม รากผักชี ปั้นเป็นก้อนกลมเท่าหัวแม่มือแล้วใส่ลงในหม้อน้ำเดือดๆ พอปลาสุก ตักออกพักไว้
  4.  ตั้งกระทะแล้วนำหัวกะทิลงเคี่ยวจนแตกมัน เอาเครื่องแกงลงผัดให้หอม ใส่ลูกชิ้นปลากราย กระชายซอย ใส่หางกะทิ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปีบ
  5.  ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง ใบโหระพา พริกชี้ฟ้า ใบมะกรูด พอมะเขือสุกยกลง ตักกินร้อนๆ

สรรพคุณทางยา

  • มะเขือพวง ช่วยละลายเสมหะ แก้ไอ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ

  • มะเขือเปราะ กระตุ้นการทำงานของกระเพาะ ลำไส้

  • มะพร้าว บำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น รักษาโรคกระดูก

  • พริกชี้ฟ้าแดง ช่วยขับลมเจริญอาหาร

  • กระเทียม ช่วยละลายไขมันในเลือด แก้ไอ ขับเสมหะ ฆ่าเชื้อในปากและลำคอ ช่วยย่อยเนื้อและโปรตีนในลำไส้

  • รากผักชีทั้งต้น ช่วยละลายเสมหะ ขับเหงื่อ ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้หัด ช่วยเจริญอาหาร

  • กระชาย แก้ท้องอืดเฟ้อ ขับลม แก้บิด

  • โหระพา ใบและลำต้นแก้หวัด ขับเหงื่อ แก้จุกเสียด

  • ใบและผิวมะกรูด ขับระดู ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียด

  • หอมแดง แก้ไข้หวัด แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ

  • ข่า ช่วยขับลมให้กระจาย แก้ฟกช้ำบวม บำรุงธาตุ

  • ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ บำรุงธาตุ

  • ยี่หร่า ช่วยขับลม

  • พริกไทย ขับลม ขับเหงื่อ ช่วยเจริญอาหาร 



12/07/2554

แกงเลียง















เป็นอาหารที่ใช้พืชผัก ที่มีรสเย็นจืดมาเป็นส่วนผสม ได้แก่ บวบ น้ำเต้า ฟักทอง ตำลึง ข้าวโพด นิยมปรุงกินร้อนๆ แก้ไข้หวัดดีนักแล เหมาะสำหรับหญิงที่คลอดลูกใหม่ๆ เป็นอาหารที่ช่วยประสะน้ำนม ทำให้น้ำนมบริบูรณ์

เครื่องปรุง


  • พริกไทย                          10 เม็ด
  • หอมแดง                         10 หัว
  • กะปิ                                   1 ช้อนโตีะ
  • กุ้งแห้ง                            1/2 ถ้วย
  • น้ำซุปไก่                           4 ถ้วย
  • น้ำปลา                            3 ช้อนโตีะ
  • ฟักทอง                           500 กรัม
  • บวบ                                500 กรัม
  • น้ำเต้า                             500 กรัม
  • ตำลึง                              500 กรัม
  • ข้าวโพด                          500 กรัม
  • ใบแมงลัก                         10 กรัม

วิธีทำ
  1.    พริกไทย หอมแดง กะปิ กุ้งแห้ง โขลกรวมกันให้ละเอียด
  2.    ละลายลงในน้ำซุป ตั้งไฟให้เดือด คอยระวังอย่าเปิดฝา กุ้งแห้งจะล้นหกออกจากหม้อ
  3.    ล้างผักต่างๆ ให้สะอาด หั่นเป็นชิ้น ตามเหมาะสมใส่ลงไปในหม้อ พยายามใส่ผักที่สุกยากๆ ลงไปก่อน เช่น ฟักทอง น้ำเต้า บวบ ข้าวโพด
  4.   เติมน้ำปลา (ถ้ากลัวเหม็นคาวให้ใส่เกลือแทน) เมื่อต้มสุกใส่ ใบแมงลัก คนให้ทั่วยกลงตักกินได้เลย
       ถ้าใส่กุ้งสดตัวโตๆ ก็จะเพิ่มความอร่อยได้  รวมถึงผัก สามารถใส่ผัก ต่างๆได้อีกมากมายตามชอบครับ


สรรพคุณทางยา

  •  พริกไทย ขับลม ขับเหงื่อ ช่วยเจริญอาหาร

  •  หอมแดง แก้ไข้หวัด ลดเสมหะ แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ

  •  ฟักทอง รสมันหวาน บำรุงสายตา บำรุงร่างกาย

  •  บวบ มีแคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส   เมล็ดแก่ มีรสขม ช่วยเจริญอาหาร น้ำมันจากเมล็ด แก้โรคผิวหนัง

  •  น้ำเต้า เมล็ดเป็นยาถ่ายพยาธิ และ แกอาการบวมน้ำ เถา ใบอ่อน ใช้เป็นยาทำให้อาเจียนและยาระบาย

  •  ตำลึง ดับพิษร้อน ถอนพิษคัน แก้เจ้บอก เถาและใบ ใช้รักษาโรคผิวหนังได้บางชนิด แก้อาการหลอดลมอักเสบ

  • ข้าวโพด ฝอยข้าวโพด เป็นยาขับปัสสาวะ


ต้มโคล้งปลาช่อน

เป็นที่นิยมกินกันมากของคนภาคกลาง อาจใช้ปลามาปรุงได้หลายชนิด แต่ที่นิยมกันก็คือปลาช่อนนา เพราะเป็นปลาเนื้อแน่นต้มแล้วไม่เละ รสหวานอร่อย ไม่คาว
ผู้ที่หายจากไข้ใหม่ๆ กิน ร้อนๆ จะช่วยขับเหงื่อ ช่วยเจริญอาหาร รุ้สึกสดชื่น และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนเป็นหวัดเรื้อรัง






เครื่องปรุง


  •  ปลาช่อนหั่นแฉลบเป็นชิ้น                      1 ตัว
  •  หอมแดงทุบพอแตก                               3 หัว
  •  มะดันเปรี้ยวใช้ทั้งผล                              2 ผล
  •  ข่าหั่นทุบพอแตก                                    5 แว่น
  •  ตะไคร้หั่นเป็นท่อนทุบพอแตก                1-2 ต้น
  •  พริกขี้หนูสดทุบพอแตก                          9 เม็ด
  •  ใบมะกรูดฉีก                                           3 ใบ
  •  น้ำมะขามเปียก                                       2 ช้อนโต๊ะ
  •  น้ำซุป                                                     2 ถ้วย
  •  น้ำปลา                                                   2 ช้อนโต๊ะ

วิธิทำ
  1.    นำน้ำซุปใส่หม้อ ตั้งไฟแรงให้เดือดพล่าน ใส่ปลาช่อน (ห้ามคน)
  2.    ใส่หอมแดง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เคี่ยวไฟจนเนื้อนุ่มดี ช้อนฟองทิ้ง
  3.    ใส่มะดัน หรือถ้าไม่มี ใส่ใบมะขามแทนก็ได้ ใส่พริกขี้หนู ชิมรสดู ถ้ายังไม่เปรี้ยวใส่น้ำมะขาม    เปียก เติมน้ำปลา ให้มีรสเปรี้ยวเค็มนำ

สรรพคุณทางยา
  •       หอมแดง  แก้ไข้หวัด ลดเสมหะ แก้ดรคในปาก บำรุงธาตุ

  •       มะดันเปรี้ยว ลดเสมหะ แก้กระษัย แก้กระดูกเสีย ระบายอ่อนๆ ฟอกเลือด

  •       ข่า ช่วยขับลมให้กระจาย แก้ฟกช้ำบวม ขับลมในลำไส้

  •       ตะไคร้ทั้งต้น แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ขับเหงื่อ

  •      พริกขี้หนูสด เจริญอาหาร ขับลม ช่วยย่อยอาหาร

  •      ใบมะกรูด ขับลมในลำไส้ ขับระดู แก้จุกเสียด

  •      มะขาม แก้ไอ แก้ท้องผูก แก้กระหายน้ำ ใบต้มกันหอมแดงแก้หวัด
   

12/06/2554

ห่อหมกปลาช่อน


เป็นอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วน ช่วยปรับธาตุ เจริญอาหาร รสชาติเข้มข้น   ปลาช่อนเป็นปลาเนื้อแน่น
ไม่คาว อร่อยที่สุดคือส่วนพุง ถ้าเราหาซื้อห่อหมกพุงปลาช่อนจะเห็นได้ว่ามีราคาค่อนข้างแพง กว่าทั่วๆไป













เครื่องปรุง
  • เนื้อปลาช่อน                       400 กรัม
  • มะพร้าวขุด                          200 กรัม
  • แป้งข้าวเจ้า                          1  ช้อนชา
  • ไข่ไก่                                     1  ฟอง
  • ใบยออ่อน                          20  ใบ
  • ใบมะกรูดหั่นฝอย                   3   ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีซอย                            2   ช้อนโต๊ะ
  • พริกชี้ฟ้าแดงซอย                  3   เม็ด ถ้าชอบเผ็ดก็เพิ่มได้
  • ใบโหระพา                           ตามชอบ
  • น้ำปลา                                1  ช้อนโต๊ะ
  • ใบตองสำหรับทำกระทง แล้วโขลกเฉพาะเครื่องแกง รวมกันให้ละเอียด
       เครื่องแกง
  •   พริกแห้งแช่น้ำ                       5 เม็ด
  •   กระเทียม                              3 หัว
  •  ข่าซอย                                2 ช้อนโต๊ะ
  •  ตะไคร้ซอย                           1 ช้อนโต๊ะ
  •  ผิวมะกรูดซอย                       1 ช้อนชา
  •  รากผักชีซอย                         2 ช้อนชา
  •  พริกไทย                              5  เม็ด
  •  เกลือป่น                               ครึ่งช้อนชา
  •  กะปิ                                    1 ช้อนชา
วิธีทำ
  1.  แล่เนื้อปลาเป็นชิ้นบางๆ
  2.  คั้นกะทิให้ได้ 2 ถ้วย แบ่งหัวกะทิ 3/4 ถ้วย ที่เหลือใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปในหัวกะทิ คนให้ละลาย นำไปต้มจนเดือด ยกลง (ใช้ราดหน้าห่อหมก)
  3. แบ่งหัวกะทิมา 1 ถ้วย คนกับเครื่องแกงให้เข้ากันดี ใส่ปลา ไข่ไก่ น้ำปลา คนให้เข้ากัน ค่อยๆ ใส่กะทิที่เหลือ คนให้เข้ากัน
  4. ใส่ใบโหรพา ผักชี 1 ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูด คนให้เข้ากัน
  5. เย็บกระทงใบตอง รองพื้นด้วยใบยอ ตักส่วนผสมห่อหมกใส่กระทง
  6.  ราดหน้าด้วยกะทิ แล้วโรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอยใบมะกรูดหั่นฝอย หรือผักชีตามชอบ
 
สรรพคุณทางยา

  • มะพร้าว รสมันหวาน บำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น รักษาโรคกระดูก
  • ใบยออ่อน  กินแก้กระษัย แก้ปวดข้อนิ้วมือนิ้วเท้า บำรุงธาตุ แก้ไข้ แก้เหงือกบวม แก้ท้องร่วงในเด็ก
  • ใบและผิวมะกรูด ใบสดช่วยดับกลิ่นคาว ขับลมในลำไส้ ขับระดู แก้จุกเสียด
  • รากและต้นผักชี  ทั้งต้นช่วยละลายเสมหะ ขับเหงื่อ ขับลม แก้หัด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  เจริญอาหาร
  • พริกชี้ฟ้าแดง ขับลมช่วยย่อยอาหาร
  • กระเทียม ช่วยละลายไขมันในเลือด ช่วยย่อยเนื้อและโปรตีนในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ฆ่าเชื้อโรคในปากและลำคอ





เคดิต จากหนังสือ อาหารสมุนไพรไทยต้านโรค : อภิสิทธิื วรวิจิตรสกุล